เมนู

อานาปานาทิเปยยาลที่ 7 แห่งโพชฌงค์



อัฏฐิกสัญญามีผล 2 อย่าง


[641] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญาอันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก. ก็อัฏฐิกสัญญา
อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มี
อานิสงส์มาก. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัม-
โพชฌงค์ อันสหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ
น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วย
อัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว อย่างนั้นแล กระทำ
ให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
[642] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่ออัฏฐิกสัญญา
อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว พึงหวังผลได้ 2 อย่าง อย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่
เป็นพระอนาคามี. ก็เมื่ออัฏฐิกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำ
ให้มากแล้วอย่างไร พึงหวังผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผล
ในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วย
อัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ
ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วยยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก
อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อ

อัฏฐิกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้แล กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ พึง
หวังผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือ
เมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี.
[643] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏริกสัญญาอันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์มาก. ก็อัฏฐิกสัญญา
อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์มาก. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัม-
โพชฌงค์ อันสหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ
น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วย
อัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญา อันบุคคลผู้เจริญแล้วอย่างนี้แล กระทำ
ให้มากแล้วอย่างนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์มาก.
[644] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญา อันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะใหญ่.
ก็อัฏฐิกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อม
เป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะใหญ่. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ
อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อัน
สหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปใน
การสละ ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญาอันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้แล
กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะใหญ่.
[645] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญาอันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสังเวชมาก. ก็อัฏฐิกสัญญา

อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมเป็นไปเพื่อความ
สังเวชมาก. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์
อันสหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไป
ในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์อันสหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้แล กระทำให้มากแล้ว
อย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสังเวชมาก.
[646] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญา อันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อยู่เป็นผาสุกมาก. ก็อัฏฐิก-
สัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมเป็นไป
เพื่ออยู่เป็นผาสุกมาก. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญ
สติสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วยอัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัย
นิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ เจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วย
อัฏฐิกสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัฏฐิกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้แล กระทำให้
มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นผาสุกมาก.
[647] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุฬวกสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[648] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วินีลกสัญญา ฯลฯ
[649] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิจฉิททกสัญญา ฯลฯ
[650] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุทธุมาตกสัญญา ฯลฯ
[651] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตา อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[652] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กรุณา อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[653] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มุทิตา อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ

[654] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุเบกขาอันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[655] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[656] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสุภสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[657] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มรณสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว ฯลฯ
[658] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาหาเรปฏิกูลสัญญา ฯลฯ
[659] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัพพโลเก อนภิรคสัญญา ฯลฯ
[660] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนิจขิสัญญา ฯลฯ
[661] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนิจเจ ทุกขสัญญา ฯลฯ
[662] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุกเข อนัตตสัญญา ฯลฯ
[663] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปหานสัญญา ฯลฯ
[664] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิราคสัญญา* ฯลฯ
[665] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิโรธสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก. ก็นิโรธสัญญา อันบุคคล
เจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อัน
สหรคตด้วยนิโรธสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปใน
การสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วยนิโรธสัญญา
อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
นิโรธสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างนั้นแล กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อม
มีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
[666] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อนิโรธสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว พึงหวังผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผล
ในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่เหลือเป็นพระอนาคามี แม้นิโรธ
* ตั้งแต่ข้อ 647 ถึงข้อ 664 มีเนื้อความเหมือนข้ออัฏฐิกสัญญา

สัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร พึงหวังผล
ได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความ
ยึดถือเหลืออยู่เป็นพระอนาคามี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วยนิโรธสัญญา อาศัยวิเวก อาศัย
วิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
อันสหรคตด้วยนิโรธสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไป
ในการสละ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อนิโรธสัญญา อันบุคคลเจริญแล้วอย่าง
นี้แล กระทำให้มากแล้วอย่างนั้น พึงหวังผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง
คือ อรหัตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดถือเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี.
[667] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิโรธสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์มาก เพื่อความเกษมจากโยคะ
มาก เพื่อความสังเวชมาก เพื่อยู่เป็นผาสุกมาก. ก็นิโรธสัญญา อันบุคคล
เจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์มาก
เพื่อความเกษมจากโยคะมาก เพื่อความสังเวชมาก เพื่อยู่เป็นผาสุกมาก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อัน
สหรคตด้วยนิโรธสัญญา อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปใน
การสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันสหรคตด้วยนิโรธสัญญา
อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ. ดูก่อนภิกษุทั้ง หลาย
นิโรธสัญญา อัน บุคคลเจริญแล้วอย่างนี้แล กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อม
เป็นไปเพื่อประโยชน์มาก เพื่อความเกษมจากโยคะมาก เพื่อความสังเวชมาก
เพื่ออยู่เป็นผาสุกมาก.

[668] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่ง
ไปสู่ทิศปราจีน ป่าไปสู่ทิศปราจีน ฉันใด ภิกษุผู้เจริญโพชฌงค์ 7 ก็ย่อม
เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน
ก็ภิกษุผู้เจริญโพชฌงค์ 7 กระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 อย่างไร ย่อมเป็นผู้
น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ
อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อัน
อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้เจริญโพชฌงค์ 7 กระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 อย่างนั้นแล ย่อมเป็นผู้
น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน.
(พึงขยายความบาลีไปจนกระทั่งถึงการแสวงหา)

อุทธัมภาคิยสังโยชน์ 5


[669] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องสูง 5 ประการ
เหล่านี้. 5 ประการเป็นไฉน. คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะอวิชชา.
สั่งโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องสูง 5 ประการนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายโพชฌงค์ 7
อันภิกษุควรเจริญ เพื่อรู้ยิ่งเพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งสังโยชน์
อันเป็นส่วนเบื้องสูง 5 ประการนี้. โพชฌงค์ 7 เป็นไฉน. ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัย
วิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ. ดูก่อนภิกษุทั้ง